5 tricks for tight soft fur

หมา แมวใครขนไม่ฟู ขนไม่แน่นมารวมตัวกันทางนี้เลย วันนี้เราจะมา แจกเคล็ดลับบำรุงขนน้องหมาน้องแมวให้นุ่มแน่นกอดอุ่นกัน


1. แปรงขน ควรแปรงขนอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง ด้วยแปรงที่เหมาะสมกับ สภาพเส้นขน การแปรงขนสุนัขและแมวจะช่วยขจัดขนที่ตายแล้วพร้อมทั้ง กระตุ้นรูขุมขนด้วย การแปรงขนยังเป็นการช่วยกระจายน้ำมันออกจาก ผิวหนังมาเคลือบเส้นขน ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีคราบมันส่วนเกินตกค้างบน เส้นขน เคล็ดลับการแปรงขนคือ ให้ใช้แปรงลวดปัดไปในทิศทางเดียวกับ การงอกของขน ควรเริ่มฝึกแปรงขนให้สุนัขและแมวตั้งแต่เค้ายังเด็กๆเพื่อให้ คุ้นชิน

2. แปรงไม่พอต้องนวดด้วย การนวดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดใน ผิวหนังของสุนัขและแมว ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นขนให้แข็งแรง วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการดูแลขนให้เงางามและมีสุขภาพดีคือการนวดไล่ขนที่ หลุดร่วงออกด้วยถุงมือกรูมมิ่งหรือแปรงขนนุ่ม แปรงขนหมูป่า ค่อยๆใช้มือ ข้างหนึ่งลูบลำตัวสุนัขหรือแมวขณะเกลี่ยขนด้วยมือข้างเดียว จากนั้นใช้ แปรงปัดขนที่พันกันออก


3. อาบน้ำตัดขน ควรอาบน้ำตัดขนเดือนละ 1-2 ครั้ง อันดับแรกแนะนำให้ สัตว์เลี้ยงเข้ารับการตัดแต่งขนตั้งแต่ยังเด็กเพื่อให้คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม เนื่องจากเคล็ดลับขนสุขภาพดีอีกข้อคือ ควรหมั่นเล็มขนที่ยาวเกินไปออก เสมอ สิ่งสำคัญอีกอย่างคือหลีกเลี่ยงการอาบน้ำบ่อยเกินไป การอาบน้ำที่ บ่อยเกินไปจะทำให้ผิวหนังแห้งและเป็นสะเก็ด เนื่องจากการชะล้างไขมันออก จากเส้นขนและผิวหนัง ที่แนะนำอีกอย่างคือ ควรลงทุนในแชมพูที่เหมาะสม กับชนิดขนของสัตว์เลี้ยงและมีคุณภาพดี แชมพูที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้ ขนสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ ทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมและทำให้ ขนตามปกติเติบโตยากขึ้น มองหาแชมพูเกรดที่สัตวแพทย์แนะน มีส่วน ผสมจากธรรมชาติเน้นคืนความชุ่มชื่นให้เส้นขน ปราศจากซัลเฟตและพารา เบน หากไม่แน่ใจว่าควรใช้แชมพูชนิดใด ให้ปรึกษาสัตวแพทย์เสมอ


4. อาหาร ควรซื้ออาหารสุนัขและแมวสำหรับผิวหนังหรือขนที่ดีที่สุดตามท้อง ตลาดสัตว์เลี้ยงหากคุณต้องการขนที่ดูดี เนื่องจากเส้นขนประกอบไปด้วย โปรตีนถึง 90% การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงและมีโปรตีนคุณภาพดี จึงเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้ขนเงางามมากที่สุด กรดอะมิโนในไก่และ อาหารประเภทเนื้อจะผลิตน้ำมันในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อให้ขนชุ่มชื่น และ เพิ่มคุณค่าทางอาหารต่อผิวหนังและขนให้มากขึ้นด้วยเติมน้ำมันปลาลงไป หรือง่ายที่สุดคือเลือกให้อาหารที่มีโอเมก้าสูง เช่น ปลาทูน่าและปลา แซลมอน

5.อาหารเสริม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีใบรองรับมาตรฐานว่าปลอดภัย ไม่ เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง ไม่ควรเลือกอาหารเสริมที่ราคาถูกเกินไป เพราะ อาจมีส่วนผสมของเคมีกันบูดหรือแป้ง ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายของหมา และแมวได้ สิ่งสำคัญคือเลือกอาหารเสริมที่กินง่าย กลิ่นไม่ฉุนเพื่อให้กินได้ ต่อเนื่อง